โรคประจำตัว เบาหวาน ทำศัลยกรรมได้ไหม ? อยากสวยแต่มีโรคประจำตัว ต้องเตรียมตัวยังไง

โรคประจำตัว เบาหวาน ทำศัลยกรรมได้ไหม ? อยากสวยแต่มีโรคประจำตัว ต้องเตรียมตัวยังไง

อยากสวยก็อยาก แต่สุขภาพและความปลอดภัยก็สำคัญเช่นกัน แน่นอนว่าหนึ่งในปัญหาที่ทำให้คนไข้หลายคนกังวลใจที่สุดก่อนการทำศัลยกรรมก็คือเรื่องของสุขภาพ ไม่ว่าจะโรคประจำตัวก็ดี หรือความแข็งแรงของร่างกายก็ดี คงไม่มีใครอยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพียงเพื่อจะสวยขึ้นอย่างแน่นอน จริงไหมคะ ? โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรคประจำตัวเรื้อรังชนิดที่ไม่สามารถหยุดยาได้ การจะเข้ารับการผ่าตัดแต่ละที ยิ่งต้องใส่ใจให้มาก ๆ เลยค่ะ

โดยความหมายของโรคประจำตัว (Underlying disease) คือโรคติดตัว การเจ็บป่วยเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดหรือต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่อง โรคเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้จากทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและ พฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล โรคประจำตัวที่แพร่หลายในประชากรไทย ได้แก่ โรคลมบ้าหมู ต้อหิน ต้อกระจก โรคหัวใจ เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน โรคข้อเข่าเสื่อม ความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรัง หอบหืด ปอดอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง ตับอักเสบเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคอ้วน เป็นต้น

 

ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคเบาหวาน และโรคอื่น ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการแข็งตัวของเลือด หรือการฟื้นฟูของบาดแผล จึงควรหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจเข้ารับการศัลยกรรม รวมถึงต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวให้เรียบร้อย เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินสุขภาพของเราว่าพร้อมสำหรับการผ่าตัดทำศัลยกรรมหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้ผลการศัลยกรรมของเราออกมาดูดีที่สุดนั่นเองค่ะ

 

และสำหรับท่านไหนที่กำลังสงสัยว่า โรคประจำตัว ที่เราเป็นหรือมีแนวโน้มที่จะเป็น สามารถเข้ารับการศัลยกรรมได้ไหม ? แล้วต้องทำยังไงถึงจะปลอดภัย วันนี้ แมกโนเลียคลินิก รวบรวมข้อมูลดี ๆ มาฝากทุกท่านกันแล้วค่ะ


มีโรคประจำตัวแต่อยากศัลยกรรม ทำยังไงดี ? มีโรคไหนบ้างที่ควรระวัง

 

โดยปกติ ก่อนที่จะเข้ารับการทำหัตถการหรือการศัลยกรรมทุกประเภท คลินิกจะสอบถามเกี่ยวกับโรคประจำตัวของผู้เข้ารับการรักษา หรือการใช้ยาตามปกติเป็นประจำก่อนผ่าตัด นี่เป็นสิ่งสำคัญเพราะเงื่อนไขทางการแพทย์บางอย่างอาจจำเป็นต้องปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินว่าบุคคลนั้นเหมาะสมสำหรับการผ่าตัดหรือไม่ บุคคลที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบภาวะแทรกซ้อน ดังนั้นการประเมินและการให้คำปรึกษาอย่างละเอียดจึงมีความสำคัญก่อนที่จะพิจารณาการผ่าตัด

 

โรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย มีดังนี้

 

โรคเบาหวาน 

โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถใช้งานอินซูลินได้อย่างเหมาะสม ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ผู้ที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัด หากปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปโดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ เช่น การเกิดแผลที่ไม่หาย หรือการติดเชื้อที่แผล เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดที่ไม่สะดวก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่น้ำตาลในเลือดไปจับตัวกับเส้นเลือด ส่งผลให้เกิดการอุดตัน

 

เมื่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวานต้องการทำศัลยกรรมตาสองชั้น ควรมีการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพของระดับน้ำตาลในเลือดและภาวะสุขภาพโดยรวม การทำศัลยกรรมในผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากแผลจากการผ่าตัดอาจมีแนวโน้มในการหายช้ากว่าปกติ และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงขึ้น เพื่อให้การรักษาหรือการผ่าตัดมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยก่อนการผ่าตัด

 

โดยรวมแล้ว การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ การมีวินัยในการดูแลตนเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพและหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้



โรคความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในภาวะสุขภาพที่พบเห็นได้บ่อยในประชากรทั่วไป ซึ่งเกิดจากการที่ค่าความดันโลหิตของผู้ป่วยมีค่าสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมาตรฐานทั่วไปจะกำหนดว่าหากค่าความดันโลหิตอยู่ที่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทหรือสูงกว่านั้นตลอดเวลา จะถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ภาวะนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอาการบวมช้ำหลังการผ่าตัด เนื่องจากความดันโลหิตที่สูงอาจทำให้เลือดออกได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

 

สำหรับผู้ที่ประสบกับภาวะความดันโลหิตสูงและมีความประสงค์ที่จะทำศัลยกรรมตาสองชั้น จำเป็นต้องมีการปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินสภาพร่างกายและความพร้อมก่อนการผ่าตัด เพื่อให้แน่ใจว่าค่าความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อการผ่าตัด การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก่อนการผ่าตัดสามารถช่วยลดความเสี่ยงของอาการบวมช้ำหลังการผ่าตัดได้

 

นอกจากนี้ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรมีการทานยาตามที่แพทย์ได้แนะนำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย การเลือกทำศัลยกรรมหรือการรักษาใดๆ ควรมีการพิจารณาและปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพในระยะยาว

 

การจัดการกับโรคความดันโลหิตสูงไม่เพียงแต่จำกัดอยู่เฉพาะการทานยาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การควบคุมน้ำหนักตัว, การรับประทานอาหารที่มีสุขภาพดี, การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, และการลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน วิธีการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ควบคุมค่าความดันโลหิตได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจตามมาจากภาวะความดันโลหิตสูงอีกด้วย

 

โรคหัวใจ

โรคหัวใจเป็นหนึ่งในภาวะสุขภาพที่ต้องได้รับการจัดการอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ที่ป่วยด้วยโรคหัวใจมักจำเป็นต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ยาที่มีความสำคัญในการจัดการกับโรคหัวใจ รวมถึงยาละลายลิ่มเลือดและยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งมีบทบาทในการลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดภายในหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้ป่วยโรคหัวใจต้องการทำศัลยกรรมหรือผ่าตัดทุกประเภท จำเป็นต้องมีการปรึกษาแพทย์ประจำตัวล่วงหน้าเพื่อประเมินความเสี่ยงและอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนหรืองดยาชั่วคราว โดยแพทย์จะพิจารณาถึงความจำเป็นและระยะเวลาในการงดยาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด

 

ความร่วมมือระหว่างผู้ป่วย แพทย์ประจำตัว และทีมศัลยกรรมเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการผ่าตัด เพื่อให้ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคหัวใจควรได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดหลังการผ่าตัด เพื่อตรวจสอบอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

 

ในการดูแลสุขภาพหัวใจ การรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลตนเอง การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในด้านการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การควบคุมน้ำหนัก การรับประทานอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ และการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคหัวใจมีชีวิตที่มีคุณภาพและลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนในระยะยาว

 

การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้ป่วยกับทีมแพทย์และพยาบาล เพื่อสร้างแผนการดูแลที่เหมาะสมและตอบสนองต่อความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับภาวะโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดหรือการรักษาอื่นๆ

 

โรคปอด

โรคปอดเป็นหนึ่งในโรคที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบการหายใจและฟังก์ชันของปอด ผู้ที่ป่วยด้วยโรคปอดมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากภาวะนี้อาจทำให้ปอดไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ และมีความอ่อนแอต่อการติดเชื้อ ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการผ่าตัดใหญ่ การดมยาสลบอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อในระบบการหายใจ การลดลงของฟังก์ชันปอด หรือการเกิดอาการหายใจล้มเหลว

 

แม้ว่าผู้ป่วยที่มีโรคปอดสามารถทำศัลยกรรมได้โดยไม่ติดขัดในหลายกรณี แต่ก็จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมสุขภาพให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนการผ่าตัด การเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายและการมีร่างกายที่แข็งแรงสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้ สิ่งนี้อาจรวมถึงการปฏิบัติตามแผนการรักษาที่แพทย์กำหนด การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจ และการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดอาการแย่ลง เช่น ควันบุหรี่ หรือมลพิษในอากาศ

 

นอกจากนี้ การจัดการกับโรคปอดยังรวมถึงการตรวจสอบและการปรับปรุงการหายใจอย่างสม่ำเสมอ ผู้ป่วยอาจได้รับการสนับสนุนจากทีมแพทย์ ผ่านการบำบัดด้วยการออกกำลังกาย การบำบัดด้วยออกซิเจน และการใช้ยาที่ช่วยในการบรรเทาอาการและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ การติดตามและการประเมินสภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอก่อนและหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดสำหรับการรับมือกับการผ่าตัดและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัด

 

การดูแลรักษาโรคปอดต้องการความใส่ใจและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทั้งผู้ป่วยและทีมแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนและเพื่อให้การฟื้นตัวหลังการผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้ป่วยกับทีมการแพทย์จะช่วยให้การจัดการกับโรคปอดและการเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

โรคไทรอยด์ 

โรคไทรอยด์เป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ซึ่งเป็นต่อมที่มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมการเมตาบอลิซึมของร่างกายผ่านการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ภาวะไทรอยด์ผิดปกติโดยทั่วไปสามารถจำแนกได้เป็นสองประเภทหลักคือ ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) ซึ่งเกิดจากการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป และภาวะไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) ที่เกิดจากการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ไม่เพียงพอ ทั้งสองภาวะนี้มีผลกระทบต่อหลายอวัยวะในร่างกาย รวมถึงผลที่เกิดขึ้นกับดวงตาและเปลือกตา ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและการทำงานของดวงตา

 

ผู้ที่มีโรคไทรอยด์อาจพบกับอาการเกี่ยวกับดวงตา เช่น ตาบวม ตาพอง หรืออาการตาแห้ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อรอบดวงตา และการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนไทรอยด์ที่มีผลต่อการไหลเวียนของเลือด รวมถึงน้ำตาลในร่างกาย สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับการศัลยกรรมตาสองชั้น มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องควบคุมภาวะไทรอยด์ให้อยู่ในระดับที่คงที่และเหมาะสมก่อนการผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนและเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

 

การจัดการกับภาวะไทรอยด์ผิดปกติก่อนการผ่าตัดต้องการการประเมินอย่างละเอียดจากทีมแพทย์ รวมถึงการตรวจสอบระดับฮอร์โมนไทรอยด์และการปรับใช้ยาตามความจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าระดับฮอร์โมนอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การรับประทานยาตามที่แพทย์กำหนดและการติดตามการเปลี่ยนแปลงของอาการเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมโรคไทรอยด์ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนการศัลยกรรม

 

นอกจากนี้ การเตรียมตัวสำหรับการศัลยกรรมในผู้ป่วยโรคไทรอยด์ยังรวมถึงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังการผ่าตัด เช่น การจัดการกับอาการบวมหรือการดูแลแผลผ่าตัด เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้ป่วยกับทีมแพทย์จะช่วยให้การจัดการกับภาวะไทรอยด์และการศัลยกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังการรักษา

 

โรคเลือดต่าง ๆ 

โรคเลือดหลากหลายประเภทสามารถส่งผลต่อการทำศัลยกรรมตาสองชั้น รวมถึงการผ่าตัดอื่นๆ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดที่อาจทำให้เลือดออกง่ายและหยุดยาก หรือมีประวัติการใช้ยาละลายลิ่มเลือด สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยควรแจ้งประวัติการรักษา และโรคประจำตัวให้กับคลินิกหรือแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดทราบล่วงหน้า นอกจากนี้ การตรวจสอบค่าความสมบูรณ์ของเลือดก่อนการผ่าตัดเพื่อประเมินสภาพการแข็งตัวของเลือดและความพร้อมของร่างกายเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างหรือหลังการผ่าตัด

 

ผู้ที่มีโรคเลือดหรือโรคประจำตัวอื่นๆ ยังสามารถเข้ารับการทำศัลยกรรมได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลรักษาและการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบคอบ แพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงและความเหมาะสมในการผ่าตัดของผู้ป่วยแต่ละรายอย่างละเอียด รวมทั้งการปรับแผนการรักษาและการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วย การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และการตรวจสอบสุขภาพอย่างใกล้ชิดก่อนและหลังการผ่าตัดจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

 

โดยรวมแล้วการจัดการกับผู้ป่วยที่มีโรคเลือดต่างๆ ก่อนการทำศัลยกรรมต้องใช้ความรอบคอบ มีการเตรียมการอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งผู้ป่วย และทีมแพทย์พร้อมสำหรับการผ่าตัดและสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้โดยมีความเสี่ยงต่ำที่สุด การสื่อสารที่ดีระหว่างผู้ป่วยกับทีมแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในการรักษา

 

มีโรคประจำตัว ควรดูแลตัวเองก่อนและหลังทำศัลยกรรมอย่างไร

  1. ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวเพื่อประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมก่อนการผ่าตัด เพราะแพทย์ประจำตัวคือคนที่รู้ถึงความพร้อมด้านสุขภาพของเรามากที่สุด รวมถึงอาจจะมีคำแนะนำดี ๆ และวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง เพื่อให้เราสามารถเข้ารับการศัลยกรรมอย่างปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย จึงถือเป็นขั้นตอนแรกที่ควรให้ความสำคัญ

 

  1. เลือกคลินิก โรงพยาบาล รวมถึงแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงมาทำการผ่าตัด เพราะแพทย์เหล่านี้จะรู้ดีว่าผู้ป่วยแต่ละโรคมีข้อจำกัดด้านไหนบ้าง มีอะไรที่ต้องระวังทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด รวมถึงมีอุปกรณ์ช่วยเหลือยามฉุกเฉินครบครัน สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยระหว่างการผ่าตัดได้ค่ะ

 

  1. เตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนให้เพียงพอ การกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียดและไม่กังวล รวมถึงการงดอาหารหรือยาบางประเภทก่อนการผ่าตัด ตามคำแนะนำของแพทย์ที่ทำการผ่าตัดหรือแพทย์ประจำตัว

 

  1. ดูแลแผลอย่างถูกวิธี โดยทำตามคำแนะนำของแพทย์ที่ทำการผ่าตัดศัลยกรรมให้กับเราอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการทายา กินยา การรักษาความสะอาด และข้อควรระวังต่าง ๆ หลังการผ่าตัดศัลยกรรม

 

  1. สังเกตอาการแทรกซ้อน โดยหลังจากที่ดูแลแผลอย่างถูกวิธีตามด้านบนแล้ว สิ่งต่อมาที่ควรให้ความสนใจคือการสังเกตอาการแทรกซ้อน หากมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้น ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ทันที 

 

ดังนั้นคำถามที่ว่า มีโรคประจำตัว สามารถเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมได้ไหม ? คำตอบคือได้แน่นอนค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพและระยะของโรคด้วย หากแพทย์ประจำตัวประเมินแล้วว่าสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายใด ๆ เพราะที่ แมกโนเลียคลินิก เรามีคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญสูง คอยดูแลกำกับในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของคนไข้ทุกคน

 

แมกโนเลียคลินิก คือ คลินิกศัลยกรรมที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำศัลยกรรมตา ทำตาสองชั้น รวมถึงมีประสบการณ์สูงในการทำศัลยกรรมให้กับคนไข้หลาย ๆ เคส ทั้งที่มีโรคประจำตัว และไม่มีโรคประจำตัว โดยทุกขั้นตอนการทำงานของคลินิกได้รับการดูแลโดยคุณหมอกิฟท์ หรือ พญ.จิรัฐา งามศิริเดช ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทาง โสต ศอ นาสิก (หู คอ จมูก) คนแรกและคนเดียวของประเทศไทยที่จบด้าน Aesthetic และศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าจากประเทศอเมริกาโดยตรง มีผลงานสัมนาวิชาการ และเป็นอาจารย์พิเศษเฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า  บอกเลยว่าโปรไฟล์แน่น ๆ ผลงานเน้น ๆ แบบนี้ ทำตากับที่นี่ไม่มีผิดหวังค่ะ

 

รู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าปล่อยให้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับดวงตาของเรา ส่งผลกระทบกับความมั่นใจและบุคลิกภาพนานเกินไป เพราะที่ แมกโนเลียคลินิก เราสามารถแก้ไขให้ได้ครบจบทุกปัญหาของคุณ มีผลงานการันตีมากมายหลายเคส บอกเลยว่าทุกคนที่เข้ามาทำศัลยกรรมกับเราต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าประทับใจ เพราะที่นี่มีความปลอดภัยสูง คุณหมอกิฟท์ใส่ใจดูแลด้วยตัวเองทุกเคส แถมยังมีแผลผ่าตัดเล็ก ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ผ่าตัดวันนี้ วันพรุ่งนี้ไปทำงานต่อได้เลย ไม่บวม ไม่ช้ำ แทบไม่เหลือรอยแผลมากวนใจอย่างแน่นอน

 

เพราะที่นี่ “ มากกว่าความเชี่ยวชาญ คือความใส่ใจ ” 

 

สนใจสอบถามหรือนัดหมายเพื่อใช้บริการกับ แมกโนเลีย คลินิก ติดต่อเรามาได้ทุกเวลาค่ะ